รู้จักตัวตนเกษตรต้นแบบ
คุณมงคล ธราดลธนสาร หรือคุณบอล และนำตัวเองในชุมชนเกษตรพอเพียงไว้เมื่อปี 2555 ซึ่งเป็นปีแรกที่เขาเริ่มทำฟาร์มเมล่อนว่าเขาเรียนจบจากภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยแม่โจ้ แล้วทำงานเป็นนักส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ในบริษัทจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ชั้นนำของไทยแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นโอกาสดีทำให้เขาได้เรียนรู้เพิ่มเติมเรื่องการคัดเลือกพันธุ์ การเก็บเมล็ดพันธุ์ และการปรับปรุงเมล็ดพันธุ์ รวมทั้งยังได้เดินทางไปทำหน้าที่นักส่งเสริมเมล็ดพันธุ์ในหลายประเทศ ทำให้มีโอกาสได้เก็บเมล็ดพันธุ์เมล่อนและพืชผักอื่นๆ ติดมือกลับมาด้วย
ตัดสินใจเป็นเกษตรกรปลูกเมล่อน
หลังจากเป็นลูกจ้างอยู่ 8 ปี คุณบอลก็อยากกลับมาใช้ชีวิตในบ้านเกิดจึงตัดสินใจลาออกจากงานประจำมุ่งหน้ากลับบ้านที่อำเภอพยัคภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม บ้านเดิมมีที่นาอยู่ 4 ไร่ คุณบอลจัดการแบ่งมา 2 ไร่ ใช้เป็นพื้นที่ปลูกเมล่อนแบบโรงเรือน เหตุผลก็คือ
1. เป็นพืชที่ตัวเองมีความชำนาญเป็นพิเศษ
2. เป็นพืชที่ขายได้ราคาดี
3. เป็นพืชที่เก็บผลผลิตได้เร็ว และกำหนดปริมาณผลผลิตได้ค่อนข้างแน่นอน
สร้างโรงเรือน
คุณบอลเลือกปลูกเมล่อนในระบบโรงเรือน แม้ต้นทุนเริ่มแรกจะสูงกว่าแต่สามารถควบคุมการให้น้ำ ให้ปุ๋ย ควบคุมความชื้น อุณหภูมิ และป้องกันโรคและแมลงได้ดีกว่า
เริ่มแรกคุณบอลสร้างโรงเรือนจากโครงสร้างเหล็ก คลุมด้วยพลาสติก จำนวน 8 หลัง ค่าก่อสร้างโรงเรือนและระบบน้ำตกประมาณโรงเรือนละ 4-5 หมื่นบาท แล้วปลูกเมล่อนรุ่นแรก ซึ่งสามารถเก็บผลขายได้ราคาดีถึงกิโลกรัมละกว่า 100 บาท แต่ก็มีปัญหาเรื่องโรงเรือน คือ โครงเหล็กเป็นสนิมง่าย พลาสติกผืนเล็กไปต้องใช้พลาสติกต่อทำให้เกิดความชื้น คุมความหวานไม่ได้ จึงมีความคิดที่จะปรับปรุงโรงเรือนเสียใหม่
คุณบอลตัดสินใจปรับปรุงโรงเรือนใหม่มาใช้ท่อแป๊บที่ไม่เป็นสนิม พลาสติกก็ใช้พลาสติกหน้ากว้างนำเข้าจากประเทศกรีซ ผลคือโรงเรือนใหม่ขนาด 6.2 x 30 เมตร ไม่มีปัญหาเรื่องสนิม พลาสติกเป็นชิ้นเดียวกันไม่มีรอยต่อ ใช้งานได้ดีและอายุการใช้งานยาวนาน แต่ก็ต้องลงทุนสูงขึ้นเป็นโรงเรือนละประมาณ 1 แสนบาท
วิธีการปลูกเมล่อน
วิธีปลูกเมล่อนในโรงเรือนของคุณบอลนั้นก่อนปลูกจะยกร่องเป็น 3 แถว แต่ละแถวกว้าง 1 เมตร บำรุงดินด้วยปุ๋ยคอกแถวละ 10 กระสอบ แต่ละร่องปลูกเมล่อนแบบแถวคู่ระยะห่างกัน 50x50 เซ็นติเมตร ปลูกเมล่อนได้ 300-350 ต้นต่อโรงเรือน โดยทำค้างความสูง 180 เซ็นติเมตรรอไว้
วิธีการปลูกเริ่มจากการเพาะเมล็ดพันธุ์ด้วยการแช่ในน้ำอุ่น 2 ชั่วโมง ห่อด้วยผ้าดิบชุบน้ำให้ชื้นเก็บไว้ในกระติกหรือที่อับชื้นอีก 25 ชั่วโมง จนมีรากงอกจึงนำไปเพาะต่อในถาดเพาะขนาด 104 หลุม ใช้พีทมอสส์เป็นวัสดุเพาะ ดูแลรดน้ำทุกเช้าครั้งเดียว 7-10 วันก็ย้ายกล้าลงแปลงปลูก
การปลูกเมล่อนในแปลงใช้ระบบน้ำหยด โดยให้น้ำเฉพาะเวลาเช้าวันละประมาณ 10 นาที เมื่อเมล่อนเริ่มโตต้องคอยดูแลจับยอดเมล่อนให้ไต่ขึ้นค้างด้วย การใส่ปุ๋ยเมล่อนให้ครั้งแรกตอนเมล่อนมีใบ 7 ใบ โดยใช้ปุ๋ยสูตร 16-16-16 จำนวน 1 ช้อนโต๊ะต่อต้น
เมื่อเมล่อนออกดอก ต้องช่วยเมล่อนผสมเกสรด้วยเพราะการปลูกเมล่อนในโรงเรือนไม่มีผึ้งมาช่วยผสมเกสรให้ และเมล่อนเป็นพืชที่มีดอกไม่สมบูรณ์เพศจึงไม่สามารถติดผลได้เอง วิธีการผสมเกสรต้องทำช่วงเช้าก่อน 10 โมงเช้า โดยผสมเกสรที่ออกที่ข้อใบที่ 8-12 เพราะจะได้เมล่อนที่ผลโตที่สุด และความหวานมากที่สุด
เมื่อเมล่อนติดผลประมาณผลมะนาว ให้เก็บผลเมล่อนที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ผลเดียวต่อต้น ผลที่เหลือเด็ดทิ้งออกให้หมด การเก็บผลเมล่อนไว้มากกว่า 1 ผล จะได้เมล่อนผลเล็กและไม่หวาน ขายไม่ได้ราคาหรือขายไม่ได้เลย
เพื่อให้ผลเมล่อนเจริญเติบโตดี ให้ดูแลเด็ดใบล่างสุด 3-5 ใบทิ้งไปเพื่อให้โคนต้นโปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เด็ดกิ่งแขนงออกให้หมด รวมทั้งเด็ดยอดที่ความสูงข้อที่ 25 ทิ้งไปด้วย เพื่อให้เมล่อนใช้ธาตุอาหารมาบำรุงผลให้เต็มที่ ไม่ใช่ไปบำรุงใบส่วนเกิน
เมื่อผลเมล่อนเริ่มคล้อย จึงให้ปุ๋ยสูตร 11-6-34 อีก 1 ช้อนโต๊ะต่อต้น และเริ่มเอาเชือกมาผูกแขวนที่ขั้วผลเพื่อช่วยรับน้ำหนัก
หลังจากนำกล้าเมล่อนลงปลูก 80-90 วัน ก็สามารถตัดเมล่อนไปขายได้ การปลูกเมล่อนด้วยวิธีนี้คุณบอลบอกว่าได้เมล่อนผลโตขนาด 1.5-3.0 กิโลกรัม (เฉลี่ย 1.8 กิโลกรัม) และมีรสหวานดีมาก
เริ่มจำหน่ายเมล็ดพันธุ์
การปลูกเมล่อนหากซื้อเมล็ดพันธุ์ทั่วไปมาปลูกจะมีปัญหาเรื่องต้นทุนสูงเพราะเมล็ดพันธุ์แพง และเรื่องราคาขายที่อาจจะไม่สูงมากเพราะไม่มีความแตกต่าง โชคดีที่คุณบอลมีพื้นฐานเรื่องการเพาะเมล็ดพันธุ์จึงสามารถพัฒนาเมล่อนสายพันธุ์ใหม่ของตนเองขึ้นมาได้ เป็นเมล่อนหวานอร่อย เหมาะกับการปลูกในเมืองไทย ที่เป็นหน้าตาของเทพมงคลฟาร์มมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ ซันสวีท และหยกเทพ
ซันสวีท เป็นเมล่อนเนื้อสีส้ม ข้อยืด โตไว รสชาติหวานกรอบ ความหวานประมาณ 14-15 บริกซ์ ถ้าบำรุงดีๆ และใส่ปุ๋ยให้ถูกวิธีก็จะได้ความหวานถึง 18 บริกซ์
ส่วนหยกเทพ เป็นเมล่อนเนื้อสีเขียวคล้ายเมล่อนญี่ปุ่น ข้อสั้น โตช้า ผลใหญ่ น้ำหนัก 2-3 กิโลกรัมต่อผล รสชาติหวานหอม ความหวานประมาณ 13-14 บริกซ์ และถ้าใส่ปุ๋ยถูกวิธีก็จะได้ความหวานถึง 16 บริกซ์ เป็นพันธุ์เมล่อนที่คนไทยนิยมมาก
เมล็ดพันธุ์เมล่อนของคุณบอลนี้นอกจากใช้ปลูกเองแล้วยังผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายด้วย
ตลาดอยู่ที่ไหน
ตลาดของคุณบอลในระยะแรกคือห้างเดอะมอลล์ และท้อป โดยขายส่งอยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 65-80 บาท แต่ถ้าขายปลีกก็ขายกิโลกรัมละ 90-100 บาท ถามว่าขายได้ราคาดีแบบนี้ต้นทุนอยู่ที่เท่าไร คุณบอลบอกว่าแค่ 10-15 บาทเท่านั้น
ขยับขยายสู่เกษตรพันธะสัญญา
เมล่อนแม้จะเป็นพืชที่ได้ราคาดีแต่ปลูกยาก ปลูกแล้วต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ถ้าปลูกแล้วไม่ได้ผลผลิตหรือขาดทุนก็คงไม่มีใครซื้อเมล็ดพันธุ์ หรือปลูกแล้วไม่รู้จะขายใครที่ไหนก็คงหาคนปลูกยากเหมือนกัน คุณบอลจึงขยายธุรกิจด้วยการเปิดฟาร์มเป็น ศูนย์เกษตรไทยไม่จน รับผู้ที่สนใจลงทุนปลูกเมล่อนให้เข้ามาศึกษากันได้ทุกขั้นตอน เมื่อใครจะลงทุนก็ตามไปสอนให้ ขายเมล็ดพันธุ์ให้ รวมทั้งช่วยซื้อผลผลิตมาขายในนามเทพมงคลฟาร์มด้วย เรียกง่ายๆ ว่าเป็นการสร้างเกษตรพันธะสัญญาของตนเองขึ้น
วันนี้ฟาร์มเมล่อนของคุณมงคลหรือคุณบอลเดินทางมาไกลมาก เป็นฟาร์มมีชื่อเสียงลำดับต้นๆ ของประเทศ และขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเป็น 14 ไร่ กับโรงเรือน 62 หลัง มีผลผลิตสัปดาห์ละ 5 ตัน โดยมีตลาดประจำคือเดอะมอลล์สัปดาห์ละ 600 กิโลกรัม ที่เหลือก็จะขายให้พ่อค้าแม่ค้าที่รับไปขายต่อยังแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ เช่น เขาใหญ่ วังน้ำเขียว ฉะเชิงเทรา เป็นต้น ทางด้านเมล็ดพันธุ์ก็มีการพัฒนาพันธุ์ใหม่ๆ ออกมาอีกมาก นอกจากเมล่อนแล้วก็ยังมีแตง มะเขือเทศ และพริกพันธุ์ต่างๆ ด้วย
สำหรับผู้สนใจปลูกเมล่อน คุณบอลแนะนำว่าเริ่มต้นให้ลงทุนแต่น้อยก่อน โดยลงทุนโรงเรือนเพียง 3-5 หลังเพื่อให้ดูแลได้ทั่วถึง หากลงทุนเท่านี้ก็จะได้ผลผลิตต่อโรงเรือนเฉลี่ย 200 ต้น สามารถสร้างรายได้ถึง 4 หมื่นบาทต่อรุ่น คือ 3 เดือน
สนใจปลูกเมล่อนในโรงเรือนตามคุณบอลเกษตรต้นแบบคนนี้ ศึกษาดูงานได้ที่
เทพมงคลฟาร์ม เลขที่ 411 บ้านโนนขวาคำ ตำบลปะหลาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม โทร 086-1156295
เครดิต
เทคโนโลยีชาวบ้าน
เกษตรพอเพียง